จนถึงตอนนี้ที่เกมหาเล่นง่ายยิ่งกว่าหาข้าวกิน ก็ยังมีประเด็นเดิมมาให้ถกเถียงกันอยู่ นั่นคือสมควรแค่ไหนที่จะปล่อยให้เด็กได้เล่นเกมที่สื่อถึงความรุนแรง มีความเสี่ยงแค่ไหนที่เด็กจะทำพฤติกรรมเลียนแบบ และเกมที่ดูเหมือนจะเป็นตัวปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็คือ GTA V

เรื่องราวของเด็กกับเกมกลายเป็นประเด็นให้ถกเถียงกันมายาวนานแล้ว ตั้งแต่สมัยที่เครื่องเกมยังหาซื้อได้ยากมาก แผ่นเกมราคาสูงลิบ เด็กๆ ทำได้แค่กำเงินเหลือจากค่าขนมรายวันเดินเข้าร้านเกมเท่านั้นเอง มาจนถึงตอนนี้ที่เกมหาเล่นง่ายยิ่งกว่าหาข้าวกิน ก็ยังมีประเด็นเดิมมาให้ถกเถียงกันอยู่ นั่นคือสมควรแค่ไหนที่จะปล่อยให้เด็กได้เล่นเกมที่สื่อถึงความรุนแรง มีความเสี่ยงแค่ไหนที่เด็กจะทำพฤติกรรมเลียนแบบ และเกมที่ดูเหมือนจะเป็นตัวปัญหาอยู่ในขณะนี้ก็คือ GTA V

GTA V คืออะไร

ชื่อเต็มของ GTA V ก็คือ แกรนด์เธฟต์ออโต V เป็นเกมแนวผจญภัยแบบ Open World ที่ให้อิสระกับผู้เล่นอย่างเต็มที่ คือจะทำอะไรก็ได้ในโลกของเกม ไม่ว่าจะเป็นการทำร้ายร่างกาย การโจรกรรม การทำลายข้าวของ แล้วก็มีเกมที่เป็นตัวเนื้อเรื่องด้วยเล็กน้อย จำเป็นต้องทำตามภารกิจของเส้นเรื่องที่กำหนดเอาไว้เพื่อปลดล็อคเส้นเรื่องต่อไป เป็นการพัฒนาตัวเกมจากภาคก่อนให้มีซับซ้อนมากขึ้น มีมุมมองของตัวละครในเชิงลึกมากขึ้น ผู้เล่นสามารถเลือกได้ว่าอยากเล่นเกมในมุมมองของบุคคลที่ 1 หรือบุคคลที่ 3 โดยตัวละครถูกตั้งค่ามาให้มีทักษะหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นยิงปืน ขับรถ หรือการใช้อาวุธหนัก แถมยังพัฒนาทักษะของตัวละครให้เพิ่มสูงขึ้นได้เรื่อยๆ ระหว่างที่เล่นเกมไป จึงทำให้ผู้เล่นสามารถออกแบบสไตล์การเล่นของตัวเองได้อย่างที่ใจต้องการตั้งแต่ต้นจนจบ

อิทธิพลของเนื้อหาเกมที่มีต่อเด็ก

ถ้าใครได้เคยสัมผัสกับเกม GTA V มาบ้างแล้ว ก็คงพอจะเห็นภาพว่าในเกมมีความรุนแรงพอสมควร ซึ่งจริงๆ แล้วเกมอื่นๆ ก็มีเหมือนกัน ต่างกันตรงที่วิธีการนำเสนอ บังเอิญว่าเกมนี้สื่อออกมาในรูปแบบที่ผู้เล่นสัมผัสถึงความรุนแรงได้มากและสมจริงกว่า ถึงจะมีมุมมองจากคนเล่นเกมหลายคนออกมาบอกว่า ปัญหาไม่ได้อยู่ที่ตัวเกมเลยแม้แต่น้อย มันอยู่ที่ตัวบุคคลเท่านั้น คล้ายกับการดูหนังดูละคร จะบอกว่าพอดูแล้วอยากทำตามตัวละครไปเสียทุกครั้งคงไม่ใช่ การจะห้ามไม่ให้เด็กเล่นเกมที่พวกเขาชื่นชอบนั้นดูจะเป็นการทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่มากไปหน่อย

อย่างไรก็ตาม ผู้ที่มาออกความคิดเห็นส่วนมากมักจะเป็นผู้ใหญ่ที่เข้าใจและมีความคิดที่บรรลุนิติภาวะแล้ว คงต้องมองย้อนกลับไปในมุมของเด็กที่ไร้เดียงสาดูบ้าง ขนาดการกระทำของพ่อแม่ที่อาจจะไม่ได้รุนแรงมากนัก เช่น ทะเลาะกันด้วยเรื่องเล็กๆ น้อยๆ แสดงอารมณ์โกรธและโมโหใส่กันโดยไม่มีการทำร้ายร่างกาย เป็นต้น ทั้งหมดส่งผลต่อสภาพจิตใจของเด็ก เขาจะมีพฤติกรรมเลียนแบบโดยไม่รู้ตัว อาจไม่ได้แสดงออกมาทันที แต่มันสามารถบ่มเพาะเป็นนิสัยติดตัวไปถึงอนาคตได้เลย ดังนั้นเกมหรือสื่อที่แสดงออกถึงความรุนแรงอย่างชัดเจน ย่อมต้องมีผลต่อความคิดและการตัดสินใจของเด็กอย่างแน่นอน จึงค่อนข้างสมเหตุสมผลที่จะห้ามไม่ให้เด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีเล่นเกมนี้

จุดบกพร่องในเรื่องของอายุ

อีกสิ่งหนึ่งที่เราต้องเก็บมาคิดต่อยอดก็คือ การเติบโตของคนๆ หนึ่ง แท้จริงแล้วไม่ได้ขึ้นอยู่กับอายุมากเท่าไร เพียงแค่ช่วงอายุ 18 ปีนี้เป็นข้อกำหนดทางกฎหมาย เราจึงสามารถใช้มาตรการต่างๆ ได้ในช่วงอายุนี้เท่านั้น ขณะที่ความจริงคนที่อายุเกิน 18 ปีไปแล้วก็ยังสามารถมีพฤติกรรมเลียนแบบโดยไม่เกิดการยั้งคิดได้ แล้วก็มีเด็กอายุต่ำกว่า 18 ปีบางคนที่มีความคิดเป็นผู้ใหญ่เพียงพอที่จะแยกแยะได้แล้วว่าอะไรควรหรือไม่